ทิ้ง เงินเดือน 120,000" มุ่งหน้า...กลับบ้านเกิด ทำเกษตร สบายใจ
7 ปีที่ผ่านมา
ทิ้ง "เมืองกรุงฯ-เงินเดือน 120,000" มุ่งหน้า...กลับบ้านเกิด ทำเกษตร สบายใจ
ทิ้ง "เมืองกรุงฯ-เงินแสน" มุ่งหน้า...กลับบ้านเกิด
วันนี้มีหลายพื้นที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำใช้ สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และขยายใหญ่ขึ้น น้ำในเขื่อนใหญ่ๆ ทั่วประเทศเริ่มแห้งขอดอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ชาวบ้านเริ่มหวั่นวิตกเกี่ยวกับการใช้น้ำ
โดยเฉพาะชาวนา ผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ที่ตอนนี้ต้องหยุดปลูกข้าว เพราะไม่มีน้ำทำนา แต่ในวันนี้“อบต.กบ” จะพาไปดูอีกหนึ่งมุมมองของคนที่ทิ้งเงินเดือนเป็นแสน หันมาประกอบอาชีพเกษตรกร โดยใช้พื้นที่ 17 ไร่ สร้างโอกาสทำเงินให้กับตนเองและครอบครัว
โดยเราจะไปกันที่จ.มหาสารคาม เพื่อพบกับ พี่มนตรี อมตะสุวรรณ อดีตวิศวกรเงินแสนที่ผันตัวมาเป็นเกษตรกร พี่มนตรี เล่าว่า เมื่อก่อนเป็นวิศวกรบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เงินเดือนประมาณ 120,000 บาท แต่ห่างบ้านเกิด และครอบครัว ต้องเดินทางไปทำงานทั่วประเทศเกือบ 20 ปี แต่พักหลังเริ่มรู้สึกว่าความสุขที่แท้จริงคือ “ความสงบ ได้ทำงานอยู่ใกล้บ้าน ดูแลครอบครัวได้ ” ประกอบกับได้รู้จักแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงตัดสินใจลาออกจากงาน มุ่งหน้ากลับมาบ้านเกิดของตนเอง เพื่อทำการเกษตรอย่างจริงจัง และมีความสุขตามวิถีชีวิตของลูกชาวอีสาน แม้ว่าที่บ้านหนองบุญชู ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นบ้านเกิดจะเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งอย่างรุนแรง ทำให้ชาวบ้านและเกษตรกรประสบปัญหาขาดแคลนน้ำทุกปี เนื่องจากอยู่นอกเขตคลองชลประทาน แม้จะได้อาศัยน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ที่ถูกปล่อยไหลลงมาบ้าง แต่ทว่าเมื่อเข้าสู่เดือนมกราคม เขื่อนอุบลรัตน์จำเป็นต้องกักน้ำและปล่อยน้ำเป็นเวลาเพื่อรักษาระบบนิเวศน์และเพื่อการอุปโภคบริโภค จึงไม่สามารถปล่อยน้ำให้กับคลองชลประทานหนองหวายได้ ทำให้แหล่งน้ำในชุมชนแห้งขอด เกษตรกรต้องเจาะน้ำบาดาลเพื่อในใช้ในการเกษตร ที่ผ่านมาเคยลองปลูกข้าวนาปี ก็ได้ผลผลิตไม่ค่อยดี จะปลูกข้าวนาปรังก็รังแต่จะขาดทุนเพิ่ม จึงลองผิดลองถูก ปรับปรุงพื้นที่ทั้ง17 ไร่ หันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยตามนโนบายรัฐบาลแทน
โดยปัจจุบันพืชที่ปลูกมีพริก 6,000 ต้น มะเขือเทศ 3,000 ต้นใช้น้ำบาดาลต่อเข้าสปริงเกอร์รดพืชผัก ใช้ปุ๋ยธรรมชาติเพื่อลดต้นทุน และปลอดภัยจากสารเคมี แบ่งพื้นที่บางส่วนไว้ปลูกข้าว และเลี้ยง ไก่ เลี้ยงเป็ด ปลูกพืชผักสวนครัว เช่น ผักบุ้ง ต้นหอม ผักคื่นฉ่าย ไว้กินเหลือจึงนำออกจำหน่าย ที่ตลาดอำเภอเชียงยืน สร้างรายได้ 700-1,000 บาทต่อวัน ก็สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ ไม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัดให้ห่างไกลครอบครัว แถมตอนนี้ยังพบว่าตนเองมีสุขภาพกายที่ดี มีความสุขทางใจมากขึ้น กว่าแต่ก่อน ถือว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเส้นทางนี้
“ ในอนาคตมีแผนจะขยายแปลงพืช และทดลองปลูกพืชปลอดสารพิษเพิ่มขึ้น ตอนนี้กำลังขยายตลาดไปยังโลกโซเซียลอีกด้วย ในขณะที่หน่วยงานต่างๆเร่งออกให้ความรู้ให้คำแนะนำการปลูกพืชน้ำน้อยในช่วงฤดูแล้ง” พี่มนตรี อมตะสุวรรณ เล่าด้วยความภาคภูมิใจ
ขอบคุณที่มา http://farm.onzorn.info/2016/03/120000.html
วันนี้มีหลายพื้นที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำใช้ สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และขยายใหญ่ขึ้น น้ำในเขื่อนใหญ่ๆ ทั่วประเทศเริ่มแห้งขอดอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ชาวบ้านเริ่มหวั่นวิตกเกี่ยวกับการใช้น้ำ
โดยเฉพาะชาวนา ผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ที่ตอนนี้ต้องหยุดปลูกข้าว เพราะไม่มีน้ำทำนา แต่ในวันนี้“อบต.กบ” จะพาไปดูอีกหนึ่งมุมมองของคนที่ทิ้งเงินเดือนเป็นแสน หันมาประกอบอาชีพเกษตรกร โดยใช้พื้นที่ 17 ไร่ สร้างโอกาสทำเงินให้กับตนเองและครอบครัว
โดยเราจะไปกันที่จ.มหาสารคาม เพื่อพบกับ พี่มนตรี อมตะสุวรรณ อดีตวิศวกรเงินแสนที่ผันตัวมาเป็นเกษตรกร พี่มนตรี เล่าว่า เมื่อก่อนเป็นวิศวกรบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เงินเดือนประมาณ 120,000 บาท แต่ห่างบ้านเกิด และครอบครัว ต้องเดินทางไปทำงานทั่วประเทศเกือบ 20 ปี แต่พักหลังเริ่มรู้สึกว่าความสุขที่แท้จริงคือ “ความสงบ ได้ทำงานอยู่ใกล้บ้าน ดูแลครอบครัวได้ ” ประกอบกับได้รู้จักแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงตัดสินใจลาออกจากงาน มุ่งหน้ากลับมาบ้านเกิดของตนเอง เพื่อทำการเกษตรอย่างจริงจัง และมีความสุขตามวิถีชีวิตของลูกชาวอีสาน แม้ว่าที่บ้านหนองบุญชู ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นบ้านเกิดจะเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งอย่างรุนแรง ทำให้ชาวบ้านและเกษตรกรประสบปัญหาขาดแคลนน้ำทุกปี เนื่องจากอยู่นอกเขตคลองชลประทาน แม้จะได้อาศัยน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ที่ถูกปล่อยไหลลงมาบ้าง แต่ทว่าเมื่อเข้าสู่เดือนมกราคม เขื่อนอุบลรัตน์จำเป็นต้องกักน้ำและปล่อยน้ำเป็นเวลาเพื่อรักษาระบบนิเวศน์และเพื่อการอุปโภคบริโภค จึงไม่สามารถปล่อยน้ำให้กับคลองชลประทานหนองหวายได้ ทำให้แหล่งน้ำในชุมชนแห้งขอด เกษตรกรต้องเจาะน้ำบาดาลเพื่อในใช้ในการเกษตร ที่ผ่านมาเคยลองปลูกข้าวนาปี ก็ได้ผลผลิตไม่ค่อยดี จะปลูกข้าวนาปรังก็รังแต่จะขาดทุนเพิ่ม จึงลองผิดลองถูก ปรับปรุงพื้นที่ทั้ง17 ไร่ หันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยตามนโนบายรัฐบาลแทน
โดยปัจจุบันพืชที่ปลูกมีพริก 6,000 ต้น มะเขือเทศ 3,000 ต้นใช้น้ำบาดาลต่อเข้าสปริงเกอร์รดพืชผัก ใช้ปุ๋ยธรรมชาติเพื่อลดต้นทุน และปลอดภัยจากสารเคมี แบ่งพื้นที่บางส่วนไว้ปลูกข้าว และเลี้ยง ไก่ เลี้ยงเป็ด ปลูกพืชผักสวนครัว เช่น ผักบุ้ง ต้นหอม ผักคื่นฉ่าย ไว้กินเหลือจึงนำออกจำหน่าย ที่ตลาดอำเภอเชียงยืน สร้างรายได้ 700-1,000 บาทต่อวัน ก็สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ ไม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัดให้ห่างไกลครอบครัว แถมตอนนี้ยังพบว่าตนเองมีสุขภาพกายที่ดี มีความสุขทางใจมากขึ้น กว่าแต่ก่อน ถือว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเส้นทางนี้
“ ในอนาคตมีแผนจะขยายแปลงพืช และทดลองปลูกพืชปลอดสารพิษเพิ่มขึ้น ตอนนี้กำลังขยายตลาดไปยังโลกโซเซียลอีกด้วย ในขณะที่หน่วยงานต่างๆเร่งออกให้ความรู้ให้คำแนะนำการปลูกพืชน้ำน้อยในช่วงฤดูแล้ง” พี่มนตรี อมตะสุวรรณ เล่าด้วยความภาคภูมิใจ
ขอบคุณที่มา http://farm.onzorn.info/2016/03/120000.html
▲
▼
รายการสั่งซื้อของฉัน
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
รับเหมาดีดบ้าน ยกบ้าน ย้ายบ้าน
ช่างดีดบ้าน 0971244646 รับจ้าง ดีดบ้าน ให้สูง บริการดี ราคาถูกยกบ้าน ดีดบ้านปูน ยกบ้านปูน เคลื่อนย้ายที่ต้้ง หมุนหาทิศฮวงจุ้ย
เบอร์โทร :
อีเมล :
อีเมล :
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
ค้นหาสินค้าในร้านนี้
ค้นหาสินค้า
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้
↑
TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
➜ เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม